[Got7][YugxBam ft.TaecKhun] OS : You Got Me - [Got7][YugxBam ft.TaecKhun] OS : You Got Me นิยาย [Got7][YugxBam ft.TaecKhun] OS : You Got Me : Dek-D.com - Writer

    [Got7][YugxBam ft.TaecKhun] OS : You Got Me

    As long as you love me, As love as you got me.

    ผู้เข้าชมรวม

    1,201

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    1.2K

    ความคิดเห็น


    12

    คนติดตาม


    6
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  28 ส.ค. 57 / 13:08 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
     

    Type : Oneshot : You Got Me

    Couple : [Got7] Yugyeom x BamBam Ft. TaecKhun [2PM]

    Rate : PG-13

    Creator : Ninet@ils

     

     

     .oOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOo.



    BamBam Said:


    คิม  ยูคยอม



     

     

    ที่จริงแล้ว...ผม......แอบรัก....ผู้ชายคนนี้

     

     

    เป็นความลับนะ  อย่าเอะอะไป


     

    .oOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOo.


     
     

              [Yugyeom said:]

              

             ที่นายบอก ว่านายรักฉัน  มันจริงหรือเปล่า


             แบมแบม

     

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      You Got Me

           
          
      .oOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOo.

       

       

               ห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ด้านสิ่งแวดล้อม
       

               ศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัย T

       

       

               ขอบคุณทุกคนที่ทำงานหนักเพื่อสิ่งแวดล้อมของเรา...งานนี้คงสำเร็จไปไม่ได้  ถ้าขาดความร่วมมือจากทุกคน  จากนี้ไปขอให้ทุกคนพยายามอย่างเต็มที่สำหรับโปรเจคใหม่ที่กำลังจะมาถึง จบคำพูดของอาจารย์แทคยอน เสียงปรบมือและรอยยิ้มยินดีจากทีมงานทุกคนก็ตามมา อาจารย์หนุ่มยิ้มในใบหน้าโชว์รอยบุ๋มแก้มในแบบที่ทำเป็นประจำ หากแต่สายตาที่กวาดมองไปรอบๆ นั้น คล้ายกำลังเสาะหาใครบางคน ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะมองตาม
       

       

               “อาจารย์....รอใครอยู่หรือเปล่าครับ” ผมพูดขึ้นในระหว่างที่ทีมงานเริ่มทยอยออกจากห้องจนเกือบหมดแล้ว

       

       

               “คนรักของผมน่ะ บอกว่าจะมา ท่าทางจะเบี้ยวกันซะแล้วอาจารย์อ๊ค แทคยอน ตอบยิ้มๆ พลางกระชับเสื้อกาวนด์ แล้วเลื่อนมือขึ้นขยับแว่นสายตาของตน เป็นท่าทางที่เห็นอยู่จนชินตา

       

       

               “อาจจะกำลังเดินทางมาก็ได้ครับ ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวกลับก่อนนะครับอาจารย์อ๊ค ขอแสดงความยินดีด้วยอีกครั้งครับ”  ผมค้อมคำนับและเดินผละออกมา


                ดูเหมือนว่าผมจะเป็นคนสุดท้ายที่ออกมาจากห้องปฏิบัติการ ระหว่างนั้นผมก็สวนผ่านใครคนหนึ่งที่ตรงทางเดินเพื่อไปยังห้องที่ผมเพิ่งจะจากมา ผมหยุดเดินและค้อมคำนับเจ้าของใบหน้าสวยขนาดที่ผู้หญิงยังอาจจะต้องอิจฉา ร่างสูงโปร่งของคนหน้าสวยในเสื้อลายสก๊อตสีฟ้าสลับขาวและกางเกงสีขาวสวมทับด้วยเสื้อกาวนด์ติดตราสัญลักษณ์ของศูนย์วิจัยเดียวกัน

       
       

                อาจารย์นิชคุณ

          
       

                ดูเหมือนทุกคนในศูนย์วิจัยรับรู้กันโดยปริยายแล้วว่า อาจารย์ทั้งสองผูกพันซึ่งกันและกันในฐานะใด รวมเป็นเวลาจนถึงวันนี้ ก็กว่า 8 ปีเข้าไปแล้ว จึงไม่อาจดูแคลนว่าเป็นเพียงความรู้สึกที่ฉาบฉวย และสำหรับผมแล้ว ความรัก...ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใคร ก็เป็นสิ่งที่ควรค่าที่จะถนอมรักษาด้วยกันทั้งนั้น

       

       

                “เจ้าหน้าที่คิม ยูคยอม! นายลงมาช้านะ มัวทำอะไรอยู่!” คนถูกเรียกมองร่างเล็กบางของคนน่ารักภายใต้เสื้อกาวนด์แบบเดียวกัน ยืนกอดอกทำหน้าหงึกหน้างออยู่ข้างรถมินิออสทิน สีฟ้าสดใสสะท้อนตัวตนของผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี “ไหนบอกว่าแค่ขึ้นแสดงความยินดีกับอาจารย์อ๊คไงล่ะ จนทุกคนกลับไปหมดแล้วเนี่ย”  ริมฝีปากอิ่มสวยราวกับหญิงสาวขยับพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว เพราะถูกปล่อยให้คอยอยู่นาน

       

       

               “ขอโทษทีนะ พอดีอยู่คุยกับอาจารย์อ๊คต่ออีกหน่อยน่ะ”  ยูคยอมกล่าวพร้อมกับก้าวเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าคนตัวเล็กกว่า ที่ยังไม่ยอมหลุดจากอารมณ์แสนงอน เห็นทีต้องหาเรื่องอื่นคุยซะแล้ว “อื่ม! เมื่อกี้นี้ฉันไปเจอใครคนหนึ่งมาด้วยล่ะ นายเดาไม่ถูกแน่”  ชายหนุ่มยิ้มบางๆ แต่ไม่วายส่งสายตาท้าทายเล็กๆ

       

       

               “อาจารย์นิชคุณใช่ไหมล่ะ”  คนตอบยกเชิดปลายคางเล็กน้อย แล้วยักคิ้วให้อย่างยียวน

       

       

               “เฮ่ย...รู้ได้ไง” ยูคยอมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

              

       

               “ก็ฉันฉลาดไง ... วันสำคัญแบบนี้ คนที่เขาเป็นคนรักกัน ก็ต้องมาแสดงความยินดีเป็นธรรมดาน่ะสิ” ไหล่เล็กยกขึ้นเบาๆ ประกอบการพูดจา

       

       

      “แสนรู้” ร่างสูงใหญ่ยกมือขึ้นวางบนศีรษะเล็กที่พยายามจะเอียงหลบแต่ก็ไม่พ้นมือ

       

       

      “คำนั้นเขาไม่ใช้ชมมนุษย์สักหน่อย”

       

       

      “หึๆ กลับกันได้หรือยัง ฉันหิวแล้ว” ยูคยอมเอ่ยพลางยกข้อมือขึ้นดูนาฬิหา

       

       

      “นายนี่มันจริงๆ เลย ไม่สำนึกผิดบ้างเลยรึไง ปล่อยให้คนอื่นคอยตั้งนาน พอมาถึงก็มาเร่งให้กลับ”

       

       

      “น่าอิจฉานะ”  จู่ๆ ยูคยอมก็เอ่ยมาราวกับพูดกับลมกับฟ้า

       

       

      “เหอะ....พูดอะไรของนาย หิวจนเพี้ยนหรือ”

       

       

               “ฉันกำลังอิจฉาอาจารย์ทั้งสองอยู่ไง  สองคนนั้นผ่านอะไรมาด้วยกันตั้งมากมาย กว่าจะมีวันนี้ได้ แล้วพวกเราล่ะ จะมีวันที่เป็นแบบอาจารย์อ๊คได้ไหมนะ” ยูคยอมก้มลงมองลึกเข้าไปในดวงตากลมๆ ตรงหน้า ที่เสหลบตา แต่เพียงครู่ก็หันมาพูดด้วยเสียงอันดัง

       

       

               “ต้องได้สิ!  ฉันจะไม่ยอมแพ้อาจารย์นิชคุณอย่างแน่นอน ถึงอาจารย์จะทั้งเก่ง.....แล้วก็....หล่อ แต่ยังไงฉันก็ไม่มีวันยอมแพ้หรอกน่า”

       

              

               ผมยิ้มกว้างกับคำพูดของอีกคน หากแต่ภายใต้ถ้อยคำที่ฟังดูถือดีแบบนั้น ผมยังมองเห็นประกายความมุ่งมั่นที่น่าประทับใจอีกด้วย

       

       

               ก็เพราะนายเป็นคนแบบนี้

       

       

               แบมแบม

       

       

               “เข้าใจแล้ว ขึ้นรถกันเถอะ” ยูคยอมกล่าวพลางถอดเสื้อกาวนด์คล้องไว้ที่แขน ทั้งยังคงยิ้มในใบหน้า แล้วขยับเข้ามาใกล้อีกคนเพื่อฉวยเอากุญแจที่แบมแบมถืออยู่ในมือ ร่างสูงใหญ่เบียดคนที่ตัวย่อมกว่าให้พ้นออกจากประตูรถระหว่างที่กดสัญญาณปลดล็อก

       

       

               “เดี๋ยวก่อน...คิม ยูคยอม” ร่างสูงหลุบตาลงมองมือของคนตัวเล็กที่ดึงแขนเสื้อบริเวณข้อศอกของเขาไว้  ดวงตากลมช้อนขึ้นมอง ...ในแบบที่รู้แน่อยู่แก่ใจว่าคิม ยูคยอม แพ้สายตาแบบนี้มาตลอดชีวิต  “แล้ว..นายล่ะ....ไม่เคยมั่นใจกับเรื่องของเราเลยหรือ”

       

       

               “ขึ้นรถก่อน แล้วจะบอก...” ร่างสูงเปิดประตูออกแล้วกดบ่าอีกคนในนั่งลงฝั่งผู้โดยสารก่อนจะเดินอ้อมไปอีกฝากของรถ เจ้าของใบหน้าน่ารักถอดเสื้อกาวนด์ออกจากตัว เม้มปากเบาๆ  พลางมองตามร่างสูงที่เข้ามานั่งประจำที่คนขับ ดวงตากลมมองใบหน้าด้านข้างที่ดูดีสมบูรณ์แบบของยูคยอม ระหว่างถอยรถออกจากช่องจอด ดวงตาเรียวที่มุ่งมั่นเสมอในเวลาที่จดจ่อทำอะไรสักอย่างอย่างจริงจัง กับคำถามที่ยังไม่กระจ่างใจในคำตอบ ทำให้แบมแบมนั่งนิ่งมาตลอดทางที่ออกมาจากศูนย์วิจัยของมหาวิทยาลัย

       

       

       

               รถยนต์ขนาดกะทัดรัดหากแต่ราคาสูงลิบ พาสองหนุ่มออกมายังถนนหลวงก่อนจะแยกเข้ามาในซอยส่วนบุคคล ยูคยอมรู้สึกได้ถึงความเงียบที่ไม่ปรกติของคนข้างกาย  ปากน้อยๆ นั่นช่างจ้อแค่ไหน ทำไมเขาจะไม่รู้ และเมื่อไรที่แบมแบมเข้าสู่โหมดเงียบเก็บปากเก็บคำ นั่นย่อมหมายถึงกำลังมีเรื่องอะไรในใจอย่างแน่นอน  ชายหนุ่มหยุดรถลงที่ข้างทางที่ค่อนข้างลับสายตา มีเพียงแสงจากไฟรายทางที่ส่องแสงลงมา

       

       

               “ฉันน่ะ  มีอาจารย์อ๊คเป็นไอดอลในหลายๆ เรื่อง แม้กระทั่งเรื่อง....ความรัก ความจริงฉันไม่กล้าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับอาจารย์หรอกนะ เพียงแต่...อยากจะพยายามให้ถึงที่สุด เพื่อจะเป็นที่ยอมรับ แบบที่อาจารย์ได้รับ” ยูคยอมพูดเหมือนเข้าไปนั่งอยู่ในใจของคนที่เงียบมาตลอดทาง

              

       

               “ไม่ใช่นายคนดียว แต่เป็นเราต่างหากล่ะ   ... นายเอาฉันไปไว้ตรงไหนในความฝันของนาย  ฉันไม่ยอมให้นายต้องพยายามอยู่คนเดียวหรอกนะจะบอกให้”  แบมแบมพูดพลางขยับมาประจันหน้ากับยูคยอม ดวงตากลมประสานกับอีกคนอย่างไม่ลดละ หากแต่ดวงตาคู่นั้นกลับฉ่ำไปด้วยน้ำอุ่นที่เอ่อคลอ ไม่ว่าจะด้วยความรู้สึกใด มันก็ทำให้ยูคยอม ยิ้มรับ ก่อนจะเอื้อมมือไปไล้เบาๆ ที่ต้นคอของอีกคน สัมผัสปอยผมนุ่มมือที่โปรดปรานนักหนา แล้วจึงค่อยโน้มให้แบมแบมเข้ามาใกล้ จนหน้าผากของทั้งคู่จรดกัน

       

       

               “ครั้งนึง ฉันเคยเป็นคนที่ได้แต่อยู่ข้างๆ นาย เฝ้ามอง...ว่าเมื่อไรนายจะหันมา จนมาถึงวันนี้...ฉันยังคิดว่าตัวเองฝันไป ฉะนั้น ฉันจะไม่วันปล่อยมือจากนายเป็นอันขาด...แบมแบม”  กล่าวน้ำเสียงจริงจัง พลางไล้ปลายจมูกไปมาเบาๆ กับอีกคน แบมแบมคลี่ยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยถาม

       

       

               “แล้ว....นายจะพิสูจน์คำพูดนี้ยังไง คิม ยูคยอม”

       

       

               ไม่มีคำตอบจากปากของยูคยอม เมื่อใบหน้าหล่อเหลาขยับเปลี่ยนองศาเล็กน้อย เพื่อวางทาบริมฝีปากลงบนความอ่อนนุ่มที่เผยอคอยอยู่ก่อนแล้ว ด้วยสัมผัสนุ่มนวลแผ่วเบา...ที่ต่างฝ่ายถ่ายทอดสู่กันและกัน ซ้ำถี่เป็นจังหวะลึกซึ้งเนิบนาบ มือหนาขยับปรับเบาะฝั่งโดยสารลงจนสุดก่อนจะโถมร่างลงตามไปติดๆ ทั้งที่ริมฝีปากยังไม่อยากผละแยกจากกัน ใบหน้าเรียวหวานเงยขึ้นรับสัมผัสที่อีกคนมอบให้อย่างเต็มหัวใจ เสียงสัมผัสชื้นแฉะดังประสานไปกับเสียงครางของเครื่องปรับอากาศ หากแต่ความอุ่นร้อนวูบไหวที่ไม่อาจหักห้ามก็วิ่งปรู๊ดปร๊าดไปทั่วร่าง ยิ่งเมื่อปลายลิ้นร้อนชอนไชเข้าไปที่ใบหู จุดอ่อนที่สูบกลืนเรียวแรงไปจนหมดสิ้น

       

       

               ริมฝีปากได้รูปของยูคยอมวนลากไล้ทั่วปลายคางเรียวก่อนจะกลับเข้ามาบดเคล้าเข้าหากัน ผละแยกเพื่อกลับเข้าหากันใหม่ น้ำใสๆ ไหลซึมผ่านขอบปากอย่างไร้ใครนำพา แบมแบมยกเรียวแขนขึ้นโอบรอบลำคอแข็งแรง เพื่อยึดเหนี่ยวและพึงพาในเวลาเดียวกัน เพราะเพียงจูบโหยกระหายของร่างสูงก็เร้าร้อนจนหลอมทุกพละกำลังให้หายไปในพริบตา แล้วไหนจะผ่ามือที่ลุกไล่เข้าไปลูบไล้ผิวเนื้อนุ่มลื่นภายในเสื้อ แค่นั้นก็ไร้กำลังจะต้านทาน ยิ่งยอดอกถูกท้าทายด้วยฝ่ามือช่ำชอง ริมฝีปากที่เวียนกลับมาสร้างสัญลักษณ์ความเป็นเจ้าของที่ซอกคอ ร่างบางกระตุกเกร็งอยู่หลายครั้งเพราะความซ่านเสียวทั้งที่เพิ่งจะเริ่มต้น...

       

       

       อ๊า..คยอม.....ปะ..ไป..ที่ห้องก่อนนะ..

       

       

      ที่นี่

       

       

      ยูคยอม...อื้ม

       

       

      ฉันต้องการนายที่นี่... เดี๋ยวนี้

      .

      .

      .

      อะไรที่ทำให้ผมมั่นใจ ในความรักของเราอย่างนั้นหรือ

       

       

      ผมรู้แต่เพียงว่า ผมจะไม่มีวันปล่อยมือไปจาก”เขา”

              

       

               ตราบเท่าที่เรา...ยังมีกันและกัน

       

       

      .oOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOo.

       

              

               ย้อนกลับไป เมื่อ 5 ปีก่อน

              

       

               [BamBam said:]

       

       

               แบมเว้ยยยยยย กะจะแช่น้ำให้ตัวซีดเลยรึไงวะ แช่นานแค่ไหนมันก็ไม่ทำให้ขาวขึ้นมาได้หรอกน่า

       

       

               ปากเสีย...

       

       

               โวยวายอีกแล้ว.....เจ้ายักษ์คิม ยูคยอม

       

               อีกนิดนึงๆ กำลังสบายเลยอะผมยังคงดำผุดดำว่ายอยู่ในสายน้ำอุ่นๆ ทำเป็นเมินกับเสียงโวยวายล้งเล้งของคนบนฝั่ง

       

       

               คนอื่นเขาขึ้นกันไปหมดแล้วนะ พวกเรารอนายอยู่คนเดียวเนี่ย กำลังจะก่อไฟทำบาร์บีคิวกินกัน เร็วเข้าเหอะ ขึ้นมาๆ  ยูคยอมเกิดหลังผมเกือบหกเดือน แต่ดันตัวโตกว่าผมซะงั้น ข้อนี้แหละที่ทำให้ผมเจ็บใจทุกทีที่เห็นหมอนี่ยืนความช่วยเหลือที่เกี่ยวข้องกับสรีระมาให้ ผมมองฝ่ามือใหญ่ที่ยื่นมาตรงหน้า พลางมองเลยขึ้นไปที่ใบหน้าที่เกือบจะดูดีของเจ้าของมือนั่น

       

       

      คิม  ยูคยอม

       
       

       

      ที่จริงแล้ว...ผม......แอบรัก....ผู้ชายคนนี้

       

       

      เป็นความลับนะ  อย่าเอะอะไป

       

       

      ตัวเขาเอง...ก็คงรู้ล่ะมั้ง....เอ...หรือว่าไม่รู้

       

       

      หมอนี่ยิ่งเป็นพวกความรู้สึกช้าอยู่ด้วย

       

       

               ผมชื่อกันต์พิมุกต์ เรียกผมว่า แบมแบม ก็ได้ เป็นชื่อที่น่ารักมากใช่ไหมล่ะ ผมเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจากประเทศไทย ปีนี้ผมอยู่มัธยมปลายชั้นปีที่ 3 แล้ว ผมกับยูคยอมและพวกเรานักเรียนปี 3 อยู่ระหว่างการออกมาทัศนะศึกษาเป็นเวลา3วัน เลยถือโอกาสนี้ท่องเที่ยวไปในด้วย เวลาของตอนนี้เป็นวันที่2 ที่อุทยานแห่งชาติซอรักซาน

       

       

               เออๆๆ เลิกเล่นก็ได้ ...นานๆ จะได้ออกมาเที่ยวทั้งที เล่นน้ำนานหน่อยก็ไม่ได้ ชิ...บ่นอย่างกับตาแก่ ความจริงแล้วฉันต้องเป็นพี่นายด้วยซ้ำ มาเรียกซะสนิทแบบนี้ มันเสียมารยาทนะบอกให้ ผมทำปากยื่นอย่างเซ็งๆ ก่อนจะเอื้อมมือไว้คว้าอีกมือที่รออยู่บนฝั่ง รู้สึกได้ถึงแรงดึงมหาศาลที่รั้งผมขึ้นไปจากแอ่งน้ำตกตรงนี้ชนิดที่แทบไม่ต้องออกแรงอะไรเลย ผมรู้สึกเหมือนตัวลอยขึ้นไปยืนอยู่บนโขดหินอย่างง่ายดาย เนื้อตัวเปียกชุ่มโชกไปหมด และทันทีที่สัมผัสกับอากาศเหนือผืนน้ำความหนาวก็เล่นงานผมทันที

       

       

               บรือออออ หนาววววว อ่า คยอมอาหยิบผ้าเช็ดตัวให้หน่อยดิ  เร็วๆ เลย อืยยยย หนาวๆๆ ผมยกมือขึ้นกอดอกแน่น รู้สึกกรามมันสั่นจนฟันกระทบกันกึกๆ  คนตัวใหญ่มันยังยืนยิ้มเยาะอยู่นั่น

       

       

               ทีงี้มาทำเป็นหนาว เหอะ บอกให้ขึ้นตั้งนานแล้วไม่ยอมเลิกสักที ทำตัวเป็นเด็กไปได้ ปล่อยให้หนาวแบบนี้ไปก่อนละกัน

       

       

               ไอ้บ้านี่ อย่ามาล้อเล่นแบบนี้นะเว่ย หนาวจะตาย เดี๋ยวตะคริวได้กินกันพอดี เร็วเร้ว!!” ไอ้ตัวโตมันยังยิ้มแป้นอย่างคนชอบแกล้ง ผมเห็นนะว่าเจ้านั่นกำลังมองหาผ้าเช็ดตัวที่ผมวางไว้เหนือโขดหินใกล้ๆ  

       

       

               เอ้า! คลุมซะ เดี๋ยวจะหนาวตายซะก่อน อันที่จริง มันจะยื่นผ้าเช็ดตัวมาให้ผมก็ได้ แต่ยูคยอมก็เลือกที่จะเดินเข้ามากางผ้าเช็ดตัวออกคลุมไหล่ให้ผม  สัมผัสในระยะประชิด จนรู้สึกได้ถึงไออุ่นจากร่างกายหนาแน่นหนาของยูคยอม จะเพราะความหนาวหรืออะไรก็ตาม ความอบอุ่นนั้นก็ทำให้ผมไม่อยากให้คยอมขยับไปไหนเลย

       

       

                “เออ...รู้แล้วน่า....อู้ววว หนาวๆๆ ไหล่ผมมันสะท้านไปหมดจนต้องหดห่อไหล่เข้าหากัน ผ้าเช็ดตัวผืนหนาดูจะช่วยอะไรไม่ได้มากเลย ในเมื่อกางเกงที่ผมสวมอยู่มันยังเปียกชุ่มอยู่แบบนี้

       

       

               รีบๆ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะไป เดี๋ยวได้ไม่สบายกันบ้างล่ะคราวนี้ เสียงคยอมดังอยู่ข้างใบหู อ่า...ขนลูกเกรียวกราวไปหมดเลย

       

       

      เอ่อ...อืมๆ

       

       

      หนาวมากเลยเหรอ

       

       

      อื้ม ...หนาว...ซื้ดดดดด....ฮ้ายยย....งั้นเรากลับกันเหอะคยอม ปะๆ

       

       

      เดี๋ยว!”คยอมรั้งหัวไหล่ผมไว้ทำไมนะ

       

       

      อุ๊!  

       

       

      อุ่นจังอ้อมกอดของนาย

       

       

      ตึก!ตัก! ตึก!ตัก

       

       

               ใจมันระทึกไปหมด ยิ่งเมื่อคยอมสอดมือเข้ามาข้างลำตัวแล้วอ้อมไปด้านหลังเพื่อดันแผ่นหลังผมเข้าไปหา เนื้อตัวด้านหน้าทั้งหมดของเราทั้งคู่สัมผัสแนบชิดกันในทันที

       

       

      ดะ...เดี๋ยวนายก็เปียกไปด้วยหรอกผมพูด

       

       

      ไม่เป็นไร ขอแค่ให้นายอุ่นก็พอ แม้แต่เสียงก็ยังทำให้รู้สึกอุ่น ผมบ้าไปแล้วแน่ๆ

       

       

      ..............................

       

       

      อุ่นมั้ย

       

       

               อ...อืม.... ยูคยอมรวมกอดผมไว้ทั้งตัว  ผ่ามือหนาที่วางนิ่งอยู่กับแผ่นหลังเปล่าๆ เริ่มขยับลูบไล้ขึ้นลง เหมือนจะช่วยแผ่ความอบอุ่นจากมือนั้นมาที่ผม แผ่นอกเปลือยเปล่าที่เย็นชืดเมื่อสัมผัสเสียดสีกับเสื้อกล้ามเนื้อลื่นของยูคยอม ยอดอกมันรัดตัวแน่นเป็นตุ่มไตขึ้นเองตามสัญชาติญาณของร่างกาย และมันก็อาจจะ...อาจจะทำให้คนที่กอดผมอยู่ในตอนนี้...รู้สึกถึงมันก็ได้

       

       

               นายยังตัวสั่นอยู่เลย ยังหนาวอยู่อีกเหรอแบม

       

       

       

               ไม่พูดเปล่า...คยอมรัดกอดผมแน่นขึ้นอีก ....จนคางผมเงยเกยอยู่บนบ่าหนาของเขา..รู้สึกถึงแผ่นอกของคยอมที่แน่นหนาแข็งแรง....ในใจ...ผมคิดอยากจะผลักไอ้คนตัวหนานี้ออกไปห่างๆ แต่ความอบอุ่นนั้น ....ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผม....ต้องการมัน...ต้องการ...ร่างกายที่กอดผมอยู่ในตอนนี้

       

       

               ตึก!ตัก! ตึก!ตัก

       

       

               ฉัน...ฉันว่าเรา...กลับเข้าไปข้างในกันเหอะนะ...คยอมผมขยับตัวเพื่อจะผละออกจากความอบอุ่น เพราะหากอยู่ในอ้อมกอดที่นานไปกว่านี้ ผมกลัวว่า...ตัวเองจะหลงใหล และเสพย์ติดสัมผัสนี้เข้าง่ายๆ ก็ได้ ทั้งที่พยายามรักษาระยะห่างไว้มาโดยตลอด

       

       

               นาย....ไม่ชอบที่ฉันกอดหรือแบมแบม  เสียงทุ้ม ๆ ดังที่ข้างหู  ลมหายใจอุ่นๆ ของคยอมเป่ารดลงที่ตรงนั้นในขณะที่ลมหายใจของผมกำลังขาดช่วง รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเอาซะเลย ใบหูผมมันคงแดงเรื่อไปหมดตั้งแต่ถูกสวมกอดแต่แรกแล้ว ความรู้สึกของผมมันดูออกง่ายดาย ไม่ว่าจะเขิน ตื่นเต้น หรือวูบไหว ใบหูที่ร้อนฉ่าและแดงจัดคงฟ้องตัวมันเองเสร็จสรรพไปแล้ว

       

       

               ปะ เปล่า...ก็นายบอกเอง ว่าทุกคนรออยู่ไม่ใช่เหรอผมพูดอยู่กับช่วงบ่าหนา หลับตาลงช้าๆ แล้วลืมขึ้นมาใหม่

       

       

      ใช่ ทุกคนรออยู่ยูคยอมตอบเสียงนิ่ง

       

       

      งั้น...นายก็ปล่อยฉันก่อนสิ

       

       

               ..................................     บทจะปล่อย คยอมก็คลายอ้อมกอดอย่างง่ายดายไม่อิดออด แล้วทำไมผมต้องรู้สึกเสียดายด้วยนะ เสียดายความอบอุ่น เสียดายสัมผัสแนบแน่นชิดใกล้ เสียดายน้ำเสียงที่กระซิบเบาๆ นั่นด้วย ...รู้ว่าชอบเขามาก แต่ไม่รู้ตัวเลยว่าจะเป็นเอามากขนาดนี้

       

       

               ยูคยอมยิ้มบางๆ ให้ผมก่อนจะเดินนำขึ้นไปบนทางเดิน ผมมองแผ่นหลังที่ค่อยๆ ห่างออกไป พลางกระชับผ้าเช็ดตัว ที่คลุมอยู่กับไหล่ รู้สึกได้ถึงความอุ่นร้อนที่หว่างขา

       

       

               น่าอายจริงๆ...ที่ผมมีความรู้สึกกับร่างกายของยูคยอมอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้

       

       

               หมอนั่น....ขอให้นายความรู้สึกช้าถึงที่สุดด้วยเถอะ....จะได้ไม่ต้องมารับรู้ถึงความจริงข้อนี้ของผม

       

       

      ฮื้ม.....

       

       

       

                .oOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOo.

       

       

      เย็นวันนั้น

       

       

               รู้สึกไม่ค่อยดีเลยแฮะ...ปวดหัวตุบๆ ในคอมันแห้งผาก รู้สึกแสบร้อนแปลกๆ แม้แต่ตอนกลืนน้ำลาย  รู้สึกมึน เบลอๆ  สงสัยเพราะเล่นน้ำมากไปหรือเปล่า หรือว่า

       

       

               เฮ้ยแบม! ไมทำหน้าแปลกๆ งั้นวะ นี่นาย...ไม่สบายหรือเปล่า   ยองแจหยิบบาร์บีคิวจากเตาลงมาใส่ถาดส่งให้เพื่อน ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามามองใกล้ๆ ถึงผมจะเบลอ แต่ก็เห็นว่าเจ้าของตาเรียวจนแทบจะขีดเป็นส้นตรงมันยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนจมูกแทบชนกับผมอยู่แล้ว ทว่า...

       

       

               ไหน ใคร..เป็นอะไร   รู้สึกถึงฝ่ามืออุ่นที่แทรกผ่านหน้ายองแจเข้ามาวางตรงหน้าผาก จนหมอนั่นต้องผงะหน้าออกแทบไม่ทันแล้วยังทำท่าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่

       

       

               เออ หัดห่วงบัดดี้บ้างก็ดีไอ้คยอม ...กูไปกินต่อดีกว่ายองแจคงกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ต่อ แต่เจ้าของฝ่ามือที่วางอยู่ที่หน้าผากของผมยังไม่ไปไหน ยูคยอมนั่งลงข้างๆ แล้วเลื่อนจากบาร์บีคิวส่งให้

       

       

               เอ้า!...กินซะหน่อย จะได้กินยา บอกแล้วไม่ฟัง ว่าอย่าเล่นน้ำนาน ไม่สบายจนได้เห็นไหมเนี่ยลุงคยอมยักษ์บ่นอีกแล้ว แต่คราวนี้ ในน้ำเสียงตำหนินั้นคงแฝงไปด้วยความห่วงใยที่รู้สึกสัมผัสได้

       

       

               เออ...ขอโทษก็ได้

       

       

               ไม่รู้สึกอยากกินจะอะไรเลย คอมันแห้งผากไปหมด กลืนอะไรลงไปก็เหมือนจะบาดคอ ผมฝืนกินบาร์บีคิวอย่างไร้รสชาติไม่สองสามคำ รู้สึกหนักหัวเหมือนมันโตขึ้นกว่าเดิมสักสิบเท่า ผมซบหน้าลงกับแขนตัวเอง ปิดเปลือกตาที่รู้สึกร้อนผ่าวลงซะ

       

       

               แบม...เฮ้ย ไปๆ เข้าที่พักเหอะ นายคงไม่สบายเข้าแล้วสิ...เดี๋ยวฉันไปบอกอาจารย์ก่อนละกัน ยูคยอมบอก ผมทำได้แค่พยักหน้ารับรู้สึก ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังห่างออกไป

       

       

                .oOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOo.

       

       

       

      [Yugyeom said:]

       

       

               ผมเดินตามแบมแบมมาถึงที่พักของทางอุทยาน ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะกางเต็นท์นอนกันอีกเหมือนคืนแรก แต่แบมแบมมาป่วยแบบนี้ คืนนี้คงต้องให้เขานอนพักที่นี่ไปก่อน ส่วนคนอื่นๆ ก็ตามอัธยาศัย

       

       

               ยูคยอมเป็นบัดดี้ อยู่ดูแลแบมแบมที่นี่ก็แล้วกันนะ ถ้าแบมแบมไม่ไหวล่ะก็โทรหาอาจารย์ได้เลยนะที่นี่มีห้องพยาบาลด้วยเผื่อฉุกเฉินก็เรียกได้ตลอดเวลา ผมรับคำอาจารย์พร้อมยกข้าวของสัมภาระทั้งของตัวเอง และเจ้าตัวป่วนมาถือไว้ คนป่วยทำท่าจะเข้ามาช่วย ผมก็เลยว่า

       

       

               หยุดเลย! นายป่วยอยู่ไม่ใช่เหรอ อย่ามาทำอวดดี รีบเดินไป แล้วเปิดประตูให้ด้วย เร็วๆเข้า...หนัก

       

       

               ชิ...ผมได้ยินเจ้าคนป่วยทำเสียงจิ๊จ๊ะออกปาก  ถึงจะเป็นแบบนั้น  แต่ท่าทางหงอยๆ ซึมๆ ไม่มีเรี่ยวมีแรงของหมอนั่นก็ทำให้ผมอดห่วงไม่ได้เหมือนกัน  ผมหอบหิ้วข้าวของเดินตามหลังเพื่อนตัวเล็กของผมไปถึงห้องตามที่เจ้าหน้าที่พาไป ถึงห้องพักเจ้าหน้าที่ก็ขอตัวจากไป พวกเราไม่ลืมคำนับขอบคุณ

       

       

               แบมแบมเปิดประตูห้องอย่างเชื่องช้า ถ้าเป็นเวลาอื่นผมคงหลอกด่ามันไปแล้วว่ามันนับรูกุญแจอยู่หรือไง ถึงได้ช้านัก แต่เวลานี้แค่เรียวแรงจะยกมือคงแทบจะไม่มีแล้วละสิ

       

       

               มานี่ เปิดเอง ให้นายเปิดคืนนี้จะได้นอนมั้ยเนี่ย    ผมฉวยกุญแจจากฝ่ามือร้อนผะผ่าวของแบมแบม ปกติมันไม่สงบเสงี่ยมแบบนี้หรอก ตอนนี้หมดแรงพักยกชั่วคราว แต่สายตาที่ตวัดมองตาขวางก็พอรู้ว่าอารมณ์ไหน

       

       

               ปวดหัวอะ....    เสียงบ่นๆ ของคนตัวเล็ก เห็นมันเดินนวดท้ายทอยท่าทางอ่อนละโหยโรยแรงแล้วก็อดห่วงไม่ได้อีกเหมือนกัน นายจะทำให้ฉันห่วงไปอีกนานแค่ไหน ทั้งชีวิตเลยมั้ย..แบมแบม

       

       

               ห้องนอนของที่นี่เป็นแบบเรียบง่าย มีสองเตียงอยู่คนละฝากห้อง พร้อมด้วยตู้เสื้อผ้าอยู่ฝั่งซ้ายมือเมื่อเปิดประตูเข้าไป ห้องน้ำขนาดกะทัดรัดอยู่ฝั่งตรงกันข้าม  ผมเปิดตู้แล้ววางกระเป๋าเสื้อผ้าเข้าไป  แล้วมองไปที่เพื่อนตัวเล็กที่พอเดินไปถึงปลายเตียงก็ทิ้งตัวล้มลงบนที่นอนเหมือนตัวเองเป็นตุ๊กตาไร้วิญญาณ

       

       

               เฮ้ย! แบม!”

       

       

               อื้มมมม.... แบมแบมทำเสียงในลำคอ ตามด้วยเสียงไอแห้งๆ ผมค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย นึกว่าสลบเหมือดไปซะแล้ว ไอ้บ้าเอ้ย ...ตกใจหมด

       

       

      คยอมอาา...

       

       

      อะไร?” ผมชะงักมือที่กำลังยกกระเป๋าเก็บเข้าตู้ แล้วหันไปมองที่เตียงฝั่งขวา

       

       

      หิวน้ำ

       

       

               เออ..รอเดี๋ยว ผมหันไปมองรอบๆ ตัว ปกติตามห้องพักก็ต้องมีเครื่องดื่มไว้บริการอยู่แล้ว แต่ผมจำได้ว่าในเป้มีขวดน้ำมาด้วย เอาแบบนี้แล้วกัน...ผมเปิดกระเป๋าควานหาขวดน้ำจนเจอ พร้อมด้วยยาที่อาจารย์ฝากมาให้ ฉวยได้ของสองสิ่งที่จำเป็นก็เดินไปหาเจ้าตัวเล็กที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง

       

       

      แบม...เฮ่ย!.. กินยาก่อน แล้วค่อยนอน

       

       

               หืมมม คนป่วยค่อยๆ ขยับตัวขึ้นนั่ง ท่าทางไม่มั่นคงเอาเสียเลย จนผมต้องสอดมือเข้าไปพยุงให้ลุกขึ้นนั่ง แบมแบมนั่งโงนเงนอยู่ข้างเตียง ผมส่งขวดน้ำให้แล้วนั่งกับพื้นห้อง เผลอมองริมฝีปากสีสดของเจ้าตัวที่ดูจะยิ่งแดงเรื่อเมื่อเจอพิษไข้เข้าเต็มๆ แบบนี้  ปากสีแดงอย่างกับลูกเชอร์รี่...

       

       

               ตึก!ตัก! ตึก!ตัก

       

       

               ใจเต้นแรงอีกแล้ว....เหมือนตอนนั้น ที่น้ำตก....อะไรดลใจให้ทำแบบนั้นลงไปกันนะ เพราะใบหน้าเล็กๆ ตากลมๆ กับเนื้อตัวเปียกปอนที่มันสั่นสะท้านอย่างน่าสงสารอย่างงั้นเหรอ ริมฝีปากสีสดๆ กับแก้มระเรื่อ  แล้วไอ้หูที่มันแดงๆ ของนายมันหมายถึงอะไรกัน เพราะหนาว หรือว่าเขินฉัน ..หรือว่ากันแน่วะแบมแบม  

       

       

      ผมเหลือบตาขึ้นมองคนที่กำลังยกขวดน้ำขึ้นดื่ม ริมฝีปากสีแดงสดที่แนบชิดกับปากขวด ทำไมผมถึงได้นึกอิจฉาไอ้พลาสติกขอบทรงกระบอกนั่นด้วยนะ น้ำส่วนเกินไหลซึมผ่านมุมปากลงมาเล็กน้อย หมอนั่นคงไม่ได้ใส่ใจ ขอบตาแดงเรื่อไปหมด ราวกับคนเพิ่งตื่นหรือไม่ก็ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก

       

       

      ปากนายยูคยอมชี้มาที่ปากผม ก่อนจะเอื้อมมือมาใช้หัวแม่มือลูบเบาๆ

       

       

      เอ่อ...อืม  ขอบใจนะ

       

       

      [BamBam said:]

       

       

       ฟู้ว!!!

       

       

               เพราะมือที่เย็นชืดของคยอม หรือเพราะแก้มผมมันร้อนก็ไม่รู้ แต่สัมผัสของคยอมทำให้ผมถึงกับสะดุ้ง นิ้วมือแข็งแรงที่ลูบเบาๆ ที่ขอบปาก ทำให้ผมหันไปมองคนที่นั่งอยู่กับพื้นห้อง บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง การที่ได้อยู่กันตามลำพังแบบนี้ ผมรู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาวไปหมดคงเพราะพิษไข้แน่ๆ ผมบอกตัวเองแบบนั้น

       

       

               พักผ่อนเถอะนะ ท่าทางนายดูแย่มากเลยว่ะยูคยอมพูด

       

       

               งั้นเหรอ…” ผมพูดจบก็ลมตัวลงนอนกับหมอน หลับตานิ่งๆ  สมองพร่าเบลอไปหมด รู้สึกว่ายูคยอมจะขยับผ้าห่มมาคลุมให้ปากก็พูดไปว่า

       

       

               เดี๋ยวฉันก็คงพักบ้าง วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว

       

       

               จริงสินะ คงเพราะวันนี้ทำกิจกรรมหลายอย่าง ทั้งเหนื่อยทั้งร้อน ตกบ่ายก็เล่นน้ำแล้วมาเจอกับอากาศเย็นๆ ตอนค่ำ ... ผมนี่ทำตัวสมกับที่จะให้ไอ้หมียักษ์เอาจริงๆ เลยนะ ป่วยคราวนี้ไม่มีข้ออ้างอะไรนอกจากความงี่เง่าของตัวเองแท้ๆ

       

       

      ขอโทษนะผมพูดเสียงพร่าจนแทบจำเสียงตัวเองไม่ได้

       

       

      หืม...อะไร ขอโทษอะไรกัน

       

       

      ก็ที่ฉันดื้อ ไม่ยอมเลิกเล่นน้ำสักที ที่นายบ่นให้ก็สมควรแล้วนี่

       

       

               หึ....ได้ยินคยอมทำเสียงในลำคอ ผมปรือตาขึ้นมอง เห็นคยอมกำลังถอดเสื้อยืดสีขาวออกจากตัว ร่างสูงใหญ่กับไหล่หนากว้างของเขาที่ผมเคยได้อยู่ชิดใกล้ในหลายต่อหลายครั้ง และทุกครั้งก็ทำให้ตื่นเต้นหวั่นไหวแทบทำอะไรไม่ถูก การที่เราแอบรักใครสักคนมานาน โดยมีความเป็นเพื่อนเป็นกำแพงหนาที่มองไม่เห็นกางกั้นไว้  ทำให้รู้สึกราวกับว่า... อยู่ใกล้เพียงแค่สายตา ก็เหมือนกับว่าอยู่แสนไกล....มองไม่เห็นกัน

       

       

               ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บ....สมองที่อ่อนล้ายังทำหน้าที่สั่งการให้หัวใจเต้น...สูบฉีดความเจ็บลึกๆ นี้...ต่อไป

       

       

      คลิ๊ก

       

       

               เสียงปิดประตูห้องดังขึ้นอย่างระมัดระวัง ยูคยอมคงคิดว่าผมหลับไปแล้ว ได้ยินเสียงสายน้ำกระทบพื้นห้องเบาๆ เสียงพึมพรำอะไรสักอย่าง จากนั้นฤทธิ์ยา ก็ทำให้ผม...หลับไปจริงๆ         

       

       

                .oOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOo.

       

       

      ที่สนามบาสเก็ตบอล

       

       

               โทษที่นะ...ฉันไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับนายสายตาของยูคยอมที่มองผม มันดูช่างเย็นชา แม้จะอยู่บนใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม

       

       

               ตลอดสองปีที่ผ่านมา ที่ฉันอยู่ข้างๆ นายมาตลอด มันไม่มีความหมายเลยใช่ไหมผมสืบเท้าเข้าไปหา ขณะเดียวกัน ยูคยอมก็ก้าวถอยหลังแล้วหันข้างให้ เป็นปฏิกิริยาที่น่าร้าวรานใจเหลือเกิน

       

       

               นายมีความหมายเสมอแบมแบม แต่ในความเป็นเพื่อน ฉันมองนายเป็นอย่างอื่นแบบที่นายต้องการไม่ได้หรอกมันยูคยอมแค่เหลือบมามอง แล้วหันหลังเพื่อเดินจากไป...แผ่นหลังนั้นกำลังจะจากไป...ในเมฆหมองควันสีขาวที่หนาแน่นขึ้นทุกที

       

       

               งั้นฉันก็ต้องขอโทษ...ที่ทำให้นายต้องลำบากใจที่จะมาคบกันฉัน คยอม...อย่าเพิ่งไป...คยอม...ขอโทษ

       

       

       

                .oOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOo.

       

      [Yugyeom said:]

       

       

               กลางดึกของคืนนั้น

       

       

               ขอโทษ คยอม ฉันขอโทษ

       

       

               แบม ลืมตาก่อน นายเป็นไรไปวะ บอกฉันสิ....แบมแบม ผมเด้งลงมาจากเตียง เพราะเสียงพึมพรำของคนที่อีกฟากของห้อง เห็นแบมแบมนอนกระสับกระส่ายไปมา ท่าทางทรมาน เหงื่อซึมไหลโทรมกายทั้งที่ตัวยังร้อนผะผ่าว ใบหน้าเรียวเล็กนั้นพราวไปด้วยเม็ดเหงื่อ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ริมฝีปากสีแดงสดยังพร่ำเพ้อคำขอโทษอยู่ร่ำไป

       

       

               ตัวนายร้อนยังกับย่างไฟเลย ทำไงดีวะ ทำไงดี  เอ่อ  เช็ดตัว ใช่ๆ  เช็ดตัวนายรอก่อนนะ อดทนหน่อยผมยกมือขึ้นลูบใบหน้านุ่มที่แดงก่ำด้วยพิษไข้ของแบมแบม ใจผมมันก็ร้อนไม่ต่างกัน ผมออกไปที่หน้าห้อง กวาดสายตามองหาความช่วยเหลือ ก่อนจะตรงที่ประชาสัมพันธ์

       

       

               ขอโทษครับผมจะหาของพวกนี้ได้จากที่ไหนครับ ผมบอกในสิ่งที่ตัวเองต้องการ และได้รับความช่วยเหลือเป็นอย่างดี

       

       

               ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ทางเรามีห้องพยาบาลนะคะ กดหมายเลข 0 เรียกได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผมรับคำและกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ก่อนจะรีบตรงดิ่งไปที่ห้องพักทันที

       

       

               สภาพของคนบนเตียงที่ผมเห็น ทำให้ผมแทบอยากทิ้งของทุกอย่างในมือแล้วตรงเข้าไปสวมกอดเขาไว้ แบมแบมกอดตัวเองแน่นขดคุดคู้อยู่บนเตียง ลมหายใจผ่อนเข้าออกเหมือนเหนื่อยหอบ ปากก็ยังพร่ำพูดประโยคเดิมๆ

       

       

      ขอโทษ ยูคยอม ฉันขอโทษ

       

       

      แบม รอเดี๋ยวนะ รอก่อน

       

       

      ผมกลับไปหาแบมแบมที่เตียงพร้อมกับอ่างเล็กๆ ใส่น้ำประมาณหนึ่งและผ้าขนหนู

       

       

               เช็ดตัวก่อน ไข้จะได้ลดนะ ผมดึงมือข้างหนึ่งของแบมแบมออกมาจับไว้  ร้อนผะผ่าวจนรู้สึกได้ผ้าขนหนูชื้นถูกลูบไล้ไปกับฝ่ามือเล็ก หวังว่าความเย็นของน้ำจะช่วยนายได้บ้าง  จากนั้นผมจึงใช้ผ้าชุบเช็ดไปที่ใบหน้าเรียวที่เต็มไปด้วยเหงื่อชุ่ม

       

       

               อย่าเกลียดฉันเลยนะคยอม

       

       

      ไม่เกลียดหรอก ใครจะเกลียดนายลงคอ ก็น่ารักออกขนาดนี้ บางคนยังคิดว่านายเป็นผู้หญิงด้วยซ้ำจำไม่ได้หรือไง

       

       

      นายอย่าเลิกคบกับฉันนะ

       

       

               ไม่เลิกหรอก ไม่เลิก ผมซับผ้าขนหนูลงที่ซอกคอ เจ้าของร่างกายยังส่ายหน้าไปมา ทำหน้าเหมือนคนอยากจะร้องไห้ นายกำลังฝันอยู่หรือไงแบมแบม ในฝันนั้นมีฉันอยู่ด้วยหรือเปล่า ฉันขอคิดแบบนั้นได้ไหม เห็นนายเอาแต่เพ้อขอโทษฉัน อยู่ตลอดเวลา

       

       

               ผมจำเป็นต้องถอดเสื้อเขาออก เหงื่อที่ไหลซึมโทรมตัวไปหมด ไม่เช่นนั้นคงเช็ดตัวเขาไม่ได้  เสื้อยึดสีเขียวมิ้นท์ตัวเก่งหลุดออกไปทางศีรษะเรียบร้อย ผิวเรียบลื่นสีน้ำผึ้งของคนตรงหน้านี่ผมก็เห็นออกจะบ่อย ล่าสุดก็เมื่อช่วงบ่ายแก่ๆที่ผ่านมานี้เอง แต่ตอนนี้เวลานี้ ผิวที่ขึ้นสีระเรื่อด้วยพิษไข้ ยอดอกที่รัดตัวขึ้นเมื่อสัมผัสกับอากาศเย็นๆ กำลังทำให้ผมใจเต้นแรงขึ้นมาง่ายๆ อย่างน่ารำคาญ

       

       

               ผมขยับขึ้นไปนั่งบนเตียงเดียวกัน  จัดแข้งขาที่ขดแน่นให้เหยียดยาว คนป่วยยังคงกอดอกไว้แน่น ผมจึงต้องรีบซับผ้าขนหนูไปตามจุดชีพจร สายตาเหลือบมองไปที่ใบหน้าที่ยังหลับพริ้มแต่คิ้วขมวดมุ่น สักพักดวงตาที่ปิดสนิทเมื่อครู่ก็ค่อยๆ ขยับเล็กน้อย

       

       

      คยอม...ทำอะไรแค่กๆน้ำเสียงแหบโหย ตามด้วยเสียงไอเบาๆ

       

       

      เช็ดตัว ไข้จะได้ลด

       

       

      อืมมมแบมแบมทำเสียงในลำคอ

       

       

      แบม!”

       

       

      ฮื้ม...

       

       

               พลิกตัวหน่อย จะเช็ดหลังให้  ผมแตะเบาๆที่หัวไหล่ของคนป่วย ได้ยินเสียงไอแห้งๆ ดังเป็นระยะ แบมแบมพลิกตัวหันหลังให้อย่างว่าง่าย แผ่นหลังเปล่าเปลือยนวลตาไม่ธรรมดา เพราะมันเนียนละเอียดและนุ่มมากเมื่อเทียบกับผู้ชายทั่วไป  เท่าที่เคยสัมผัส..ความรู้สึกมันบอกแบบนั้น ผมกลืนน้ำลายลงคอ เพราะความรู้สึกแปลกๆ มันเล่นงานผมอีกแล้ว

       

       

               นี่มันผู้ชายด้วยกัน!!

       

       

               ผมบอกตัวเองแบบนี้เสมอ แต่มันก็เป็นแบบเดิมอยู่เสมอ คือความหวั่นไหวที่ควบคุมไม่ได้ก็เกิดขึ้นทุกครั้ง ฝ่ามือที่ลูบไล้ผ่านแผ่นหลังตรงหน้า ไม่อยากให้มีผืนผ้าหรืออะไรมาขวางกั้นระหว่างเราเลย ...

       

       

      คิม ยูคยอม ...

       

       

      นั่นเพื่อน...

       

       

      เพื่อนที่รัก...

       

               ผมสะบัดหน้าไล่ความคิดออกไปหัว แล้วคว้าเสื้อตัวใหม่มาใส่ถือไว้ ตอนถอดไม่ยากเท่าไหร่ แต่ตอนใส่นี่สิ

       

       

               แบม ...หลับหรือยัง

       

       

      ฮื้มมม

       

       

      ใส่เสื้อตัวใหม่

       

       

      อืม...ใส่สิ

       

       

      ลุกไหวมั๊ย

       

       

               อืมมมม...ลุกไม่ไหว ปวดหัวแบมแบมตอบ น้ำเสียงขึ้นจมูก แล้วไอออกมาอีกครั้ง ผมชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง มองแผ่นหลังเปลือยเปล่าที่ผ่าวร้อนตรงหน้า ก่อนจะขยับตัวเข้าไปหา

       

       

               งั้น..ฉันจะช่วยนายเอง ผมรวบกอดคนที่นอนหันหลังให้ไว้ในอ้อมแขน ร่างเล็กที่อุ่นจัด เอนหลังทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงมาหา แก้มเนียนนุ่มซุกซบลงกับซอกคอผมอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ลมหายใจผะผ่าวรู้สึกได้ว่ามันเป่ารดอยู่ปลายคาง แบมแบมขยับใบหน้าซุกเข้ามาใกล้ เหมือนลูกแมวตัวเล็กๆ ที่ซุกไซ้หาที่อุ่นๆ เพื่อขดตัวลงนอน

       

       

               ฉันขอโทษ...อย่าเกลียดฉันเลยนะยูคยอม ละเมอประโยคนี้ออกมา....แสดงว่าหลับไปอีกแล้วสินะ แบมแบม...ผมยกเรียวแขนที่ไร้เรี่ยวแรงสอดเข้าไปกับแขนเสื้อที่ละข้าง แล้วอ้อมมือไปด้านหน้าเพื่อติดกระดุมเสื้อให้

       

       

      ขอโทษนะคยอม....ขอโทษที่...ฉัน....ฉันรักนาย

       

       

      อะไรนะผมชะงักค้างไปในทัน

       

       

      รักนายไม่ได้ใช่ไหม...รักไม่ได้      คนพูดส่ายหน้าไปมา พร้อมพรูลมหายใจอุ่นจัด

       

       

      แบม...นายพูดอะไรออกมา

       

       

      นายจะเกลียดฉันใช่ไหม ขอโทษ

       

       

      นายกำลังบอกว่า  นายรักฉันใช่ไหม ไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม ถ้านายกำลังฝัน นายคงกำลังฝันถึงฉันใช่ไหม

       

       

      เพื่อนที่รัก

       

       

               ผมก้มลงมองคนในอ้อมแขน ใบหน้าเรียวหวานที่แหงนเงยไปด้านหลังอย่างไร้สติ ความร้อนคงเริ่มผ่อนคลายลงบ้าง เพราะบางส่วนนั้นได้ถ่ายทอดมาสู่ตัวผมเป็นที่เรียบร้อยแล้วในตอนนี้

       

       

      ที่นายพูดออกมา...ฉันจะถือว่ามันเป็นเรื่องจริงได้บ้างไหมแบมแบม”

       

       

      รัก...ยูคยอม

       

       

               หึ...อย่าทำให้รู้สึกดี ในเวลาที่นายไม่มีสติแบบนี้ดีกว่าน่า แบมแบม เหมือนฉันกำลังแอบอ่านไดอารี่ของนายยังไงยังงั้น ระหว่างเรามันมีความเป็นเพื่อน ความเป็นผู้ชาย ความเป็นอะไรๆ ก็ตามที่มาวางขวางกั้น   แต่ตอนนี้กำแพงพวกนั้น...มันสำคัญยังไง….ในเมื่อตอนนี้ นายอยู่ในอ้อมกอดของฉัน....ผมกระชับกอดร่างที่หลับใหล เนื้อตัวอุ่นจัด ผิวกายผะผ่าวที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เฉพาะตัว

       

       

               อุ่นจังเลยเสียงแผ่วๆ ที่ผ่านออกมาจากริมฝีปากที่วางแนบอยู่ที่ปลายคางของผม   ทำให้ต้องขยับยิ้มออกมา ร่างเล็กบางของเพื่อนที่รักขยับกระชับพื้นที่เข้ามาใกล้ รู้สึกเรียวแขนที่อ้อมมากอดเอวผมไว้ ใบหน้าที่แนบซุกเข้ามา ทำเสียงในลำคอเบาๆ อย่างพอใจกับที่อุ่นๆ สินะ

       

       

               ดูแลนายนี่ ฉันเปลืองตัวชะมัดเลย..หึหึ

       

       

               แต่เพราะเป็นนายหรอกนะ เพราะเป็นนาย แบมแบม เพื่อนที่รักของฉัน

       


       .oOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOo.
       

       

      [BamBam said:]

       

       

               ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในความรู้สึกอบอุ่น อบอุ่นและปลอดภัยอย่างประหลาด ยิ่งซุกแนบก็ยิ่งนุ่ม ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งอุ่น ไม่อยากจะไปไหนเลย อยากอยู่อย่างนี้ตลอดไปถ้าเป็นไปได้

       

       

       

      สักพัก...หลังจากนั้น...ผมก็รู้สึกถึงความอุ่นชื้นที่ซอกคอ ที่ใบหน้า ที่หน้าอก และ.....

       

       

       

      ตื่นแล้วเหรอ...กำลังเช็ดตัวให้อีกรอบ...เช้านี้นายน่าจะรู้สึกดีขึ้นกว่าเมื่อคืนบ้างแล้วนะ

       

       

       

               ผมมองเจ้าเพื่อนตัวโตที่นั่งอยู่ข้างเตียง ในมือยังคงถือผ้าขนหนูที่เจ้าตัวพยายามปิดจนหมาด...และคงเป็นที่มาของความรู้สึกอุ่นๆ ชื้นๆ เมื่อครู่แน่ๆ ...

       

       

               เมื่อคืนนายไข้ขึ้นสูง ฉันเลยเช็ดตัวให้ ความจริงว่าจะให้กินยาด้วย แต่นายก็หลับไปซะก่อน ปลุกยังไงก็ไม่ตื่น ยูคยอมยิ้มอารมณ์ดี จนเห็นรอยขีดจางๆ ที่ใต้ตา ถึงอย่างนั้นผมก็ยังเห็นรอยคล้ำๆ ใต้ตาที่บวมน้อยๆ ของเขา

       

       

               นายอยู่ดูแลฉันตลอดคืนงั้นสิผมถาม ยังรู้ปากแห้งคอแห้งไม่หาย

       

       

               ก็มีงีบไปบ้าง  ว่าแต่นายเป็นไงบ้างล่ะ ปวดหัวอยู่ไหม เจ็บคอหรือเปล่า ฉันไปเอาน้ำอุ่นมาให้เอาไหม ผมมองยูคยอมที่ถามโน่นถามนี่ ที่ไม่ค่อยเหมือนยูคยอมคนเมื่อวานเท่าไหร่นัก

       

       

      ฉันไม่เป็นไรแล้ว นายน่าจะนอนพักบ้างนะคยอม

       

       

      ฉันพักเมื่อไหร่ก็ได้ รอให้นายดีขึ้น รอให้นายหายดี

       

       

               บ้าจริง...ผมรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้...แต่ตื่นมาให้หน้าหมอนี่ มันก็เกินความคาดหมายของผมแล้ว ไหนจะคำพูดพวกนั้นอีก

       

       

      ตอนนี้พวกเราลงไปทำกิจกรรมกันหมดแล้วล่ะ

       

       

      จริงสิ วันนี้วันสุดท้ายแล้วด้วย...

       

       

      คราวนี้ก็เหลือแต่ฉันกับนายแล้วสิ

       

       

               ขอโทษนะ ที่ทำให้นายต้องเสียคะแนน  ผมขยับลุกขึ้นนั่ง มองผ้าห่มที่ลงมากองรวมกันอยู่ที่ตัก ก่อนจะเหลือบมองยูคยอมที่นั่งอยู่กับพื้นห้อง

       

       

               นายเป็นบัดดี้ของฉัน จะให้ทิ้งนายไปได้ไง อีกอย่าง อาจารย์ก็อนุญาตเอง ไว้เราสองคนไปทำรายงานส่งทีหลัง แค่นี้ก็จบ

       

       

               คยอมพูดเหมือนเป็นเรื่องง่าย หรือพยายามทำให้ผมสบายใจกันแน่ แต่น้ำเสียงเขาดูผ่อนคลายไร้กังวลแบบนั้น ก็ทำให้ผมรู้สึกเช่นนั้นไปด้วย

       

       

               กินอะไรสักหน่อย ฉันขอให้ที่นี่ทำอาหารอ่อนๆ มาให้นาย รสชาติก็ใช้ได้ กินซะ จะได้กินยายูคยอมลุกไปที่โต๊ะตัวเดียวที่อยู่ในห้อง บนนั้นคงเป็นอาหารเช้าอย่างที่เขาว่า เห็นควันสีขาวลอยผุยๆ ออกมาจากชามนั้น ยูคยอมคงกำลังใช้ช้อนคนให้มันคลายความร้อนลงนั่นเอง

       

       

               ขอโทษนะ ที่ทำให้นายลำบากอยู่เรื่อยเลยผมก้มลงมองมือตัวเอง หลังจากเอ่ยขอโทษ

       

       

               นายขอโทษฉันบ่อยเกินไปแล้ว แบมฉันอยากฟังคำอื่นแล้วล่ะ เบื่อคำขอโทษเต็มทีผมมองร่างสูงใหญ่เกินวัยที่กำลังหันกลับแล้วเดินเข้ามาหา ยูคยอมนั่งลงที่เตียง ผมนั่งกอดเข่าแน่นอย่างไม่รู้จะทำอะไรดี เพราะดูเหมือนจะคิดจะทำอะไรก็ดูผิดไปเสียหมด จุดยืนของผมทำไมมับถึงได้ตีบแคบแบบนี้นะ

       

       

      ขอโทษก็ไม่ได้ แล้ว...แล้วนายอยากให้ฉันพูดอะไรล่ะ

       

       

      พูด เหมือนที่นายบอกฉันเมื่อคืนนี้ไง

       

       

      เมื่อคืนนี้

       

       

      อื้ม!”

       

       

      ฉันพูดอะไรออกไป....คือฉัน จะ จำค่อยไม่ได้ผมยกมือขึ้นจับหัวที่ยังรู้สึกมึนๆ อยู่บ้างเล็กน้อย

       

       

               พูดในสิ่งที่นายคิดสิแบม นายคิดกับฉันยังไง ก็บอกออกมาตามนั้น สายตาที่พุ่งตรงมาที่ผมมีแววแห่งความจริงจังชัดเจนจนผมยังต้องหลบตา นี่ผมละเมอพูดอะไรออกไปกันนะ ต้องเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากแต่ๆ ไม่งั้นยูคยอมคงไม่มีสีหน้าท่าทางแบบนี้แน่

       

       

       

               ที่นายบอก ว่านายรักฉัน  มันจริงหรือเปล่า แบมแบม…”
       

       

       

      [Yugyeom said:]

       

              

               ผมเห็นอาการตกตะลึงของคนหน้าหวานตรงหน้า แขนที่กอดเข่าอยู่เมื่อครู่คลายลงไปวางอยู่ข้างลำตัว ดวงตากลมใสที่ดูแห้งผากไปบ้างแต่ก็ยังกลมโตอยู่ดี มันกำลังส่งประกายแห่งความสับสนออกมา  แบมแบมหลบตาผม จะยิ้มหรือจะหัวเราะ จะร้องไห้อะไรสักอย่างก็ดูจะเงอะงะไปเสียหมด

       

       

               เรื่องนั้น...มัน

       

       

               มันจริงหรือเปล่า แค่นั้น แบมแบมสิ่งที่ฉันอย่างรู้จากนายก็มีแค่นั้น  อยากได้ยินจากปากของนาย ตอนที่นายมีสติ ไม่ใช่เพราะละเมอเหมือนเมื่อคืนนี้ผมโน้มตัวลงไปหาดวงหน้าที่ก้มงุดจนคางแทบจรดอก อยากหา อยากเห็นความจริงในดวงตาคู่นั้น

       

       

      ฉัน...ฉันพูดแบบนั้นออกไปเหรอ มะ เมื่อคืนนี้แบมแบมยกปลายนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากเหมือนอยากไม่อยากเชื่อตัวเอง

       

       

      อืม...

       

       

      แล้ว  นายคิดยังไง แบมแบมเงียบอึดใจทีเดียวกว่าจะพูดประโยคนี้ออกมาได้

       

       

               ถามฉัน ... ฉันก็....ดีใจน่ะสิ   ใบหน้าที่สลดนิ่งเมื่อครู่เงยวูบขึ้นมาในทันที และกลายเป็นผมที่ถูกจ้องมองเหมือนอย่างค้นคว้าจากดวงตากลมสวยคู่นั้น

       

       

               นะ นาย..บอกว่า ดีใจแบมแบมโน้มตัวมาข้างหน้า เอียงคอเล็กน้อยเมื่อรอคอยคำตอบ ดวงตาเป็นประกายวาวเหมือนเริ่มมีน้ำหล่อเลี้ยงท่าทางแบบนั้นมันทำในใจผมเตลิดไปได้อย่างมากมาย

       

       

               ใช่... ฉันดีใจ  ผมเติมคำตอบลงไปให้กับดวงตาที่มองมา

       

       

               ที่ฉันบอกว่า...รักนายน่ะ...ฉันดวงตาคู่สวยมีน้ำเอ่อขึ้นมาคลอๆ หยดน้ำที่ผมไม่เคยรู้ความหมายที่แท้จริงของมันได้สักที

       

       

               ร้องไห้ทำไม  ฉันบอกว่าดีใจนะ ไม่ได้บอกว่าเกลียดนายสักหน่อย ดูทำหน้าสิ...นี่ ผมยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นปัดไล้ไล่น้ำตาให้

       

       

               ที่บอกว่าดีใจ...นายพูดจริงๆ หรือยูคยอม ไม่ได้หลอก ไม่ได้เอาใจเพราะเห็นว่าฉันไม่สบายหรอกนะ ใช่ไหมใบหน้าเรียวหวานที่ยังดูเซียวเพราะเพิ่งฟื้นไข้ แต่ดูยังไงก็ยังคงน่ารัก

       

       

               ต้องทำยังไงนายถึงจะเชื่อว่าฉันดีใจจริงๆ ได้บ้างนะเนี่ย ผมหลุบตาลงมองริมฝีปากอิ่มสีแดงระเรื่ออย่างมาดหมาย เพราะเมื่อคืนผมเห็นแก่พิษไข้ จึงต้องยั้งใจไม่รังแก...แต่ตอนนี้ โอกาสมันมากวักมือเรียกผมให้เข้าไปหาแบบไม่ต้องรั้งรอแบบนี้

       

       

               แบมแบม...  เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียกของยูคยอม แต่แล้วก็ต้องหลุบตาลง เมื่อใบหน้าที่โน้มเข้ามาหานั้นอยู่ใกล้เหลือเกิน

       

       

               ตึก!ตัก!ตึก!ตัก!

       

       

               เสียงหัวใจเด็กหนุ่มถีบตัวเต้นแรงจะแทบระเบิด รู้สึกเหมือนอาการไข้มันจะกลับมาอีกครั้งไงชอบกล  เมื่อใบหน้าเหมือนถูกบังคับกลายๆ ให้แหงนเงยรับแรงกดจากริมฝีปากที่ทาบลงมาหา ริมฝีปากของยูคยอมที่นุ่มอบอุ่น ความหยุ่นความนุ่มของปลายลิ้นร้อนที่ลากไล้ไปมาเบาๆ ที่ริมฝีปาก เหมือนจะขอเปิดทางให้เข้าไปสัมผัสภายใน ความอุ่นซ่านที่วิ่งผ่านจากปลายลิ้นเข้าสู่ร่างกายคล้ายกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ นั้น กำลังหลอมละลายความต้านทานที่ผมเคยมีอย่างน้อยนิดให้บินหายไปในอากาศ

       

       

               คยอมอา

       

       

               อื้มม

       

       

               หายใจ...หน่อย  ยูคยอมผละถอนริมฝีปากจากจูบที่ชุ่มชื้นเปิดโอกาสให้แบมแบมได้หายใจ และเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ซุกไซ้เข้ามาที่ซอกคออุ่นร้อน

       

       

      นายยังตัวร้อนอยู่เลย เช็ดตัวหน่อยไหมยูคยอมถามเสียงแปร่งพร่าอยู่กับซอกคอ

       

       

      ฮื้มมม...

       

       

      [BamBam said:]

       

       

               คยอมผละถอนริมฝีปากออกอย่างน่าเสียดาย ผมชอบให้เขาแตะต้อง รักที่เขาสัมผัสผม...ที่สุดผมก็เสพย์ติดมันเข้าจนได้...

       

              

              “รู้อะไรไหม ฉันเองก็เคยกลัว กลัวว่านายจะเกลียดฉัน แบม...ถ้านายรู้ว่า..ฉันเอง...ไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนกับนาย  ความรู้สึกมันเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้  รู้แต่ว่ามันมากมาย  จนฉันเหมือนจะบ้าไปก็หลายครั้ง... ถ้าไม่มีวันนี้  ถ้านายไม่ป่วย ฉันคงไม่มีทางรู้เลย ว่านายรู้สึกยังไง

       

       

               ผมยกนิ้วมือขึ้นแตะต้องและลูบไล้ริมฝีกปากได้รูปของคนตรงหน้า ....อยากจะเรียกประโยคนั้นว่า คำสภาพรักจะได้หรือเปล่า แม้มันจะไม่มีคำว่ารักหลุดออกมาเลยสักคำก็ตาม แต่ความหมายที่เขาวางไว้ในใจผม กำลังทำให้ผมรู้สึกเช่นนั้น

       

       

               ขอแค่มีนายอยู่ข้างๆ ฉันก็ไม่ต้องการใครอีกแล้ว ยูคยอม

       

       

                .oOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOo.

       

       

               เวลาปัจจุบัน

       

       

               ศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัย T

       

       

               “ที่ข้างล่างนั่นมันมีอะไรน่าสนใจนักหนาหรือครับ อาจารย์อ๊ค” เสียงเรียกอันคุ้นเคย ไม่ได้ทำให้เจ้าของชื่อละสายตาจากสิ่งที่จับจ้องอยู่นานแต่อย่างใด

       

       

               “มานี่สิคุณ” แทนที่คำตอบ รศ.ดร หนุ่มคว้าข้อมือของคู่ชีวิตเขามาเพื่อให้เห็นในสิ่งเดียวกัน

       

       

               “หืม...อะไรครับ”

       

       

               “บอกผม  ว่าคุณเห็นอะไร”

       

       

               “อืม...นั่นมัน...” ใบหน้าสวยหันไปตามสายตาของอาจารย์หนุ่ม แล้วสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องล่าง ก็ทำให้นิชคุณกระจ่างใจ ภาพของแบมแบมที่เดินตรงเข้าไปไปในอ้อมกอดของยูคยอม ทั้งสายตาและรอยยิ้มที่ทั้งสองต่างส่งมอบให้แก่กัน บรรยากาศที่ห้อมล้อมทั้งสองคนนั้นไว้ ไม่อาจมองเห็นเป็นอื่นไปได้เลย

       

       

               “เหมือนมากเลยใช่ไหมล่ะ เหมือนเราได้ยืนมองอดีต ทั้งที่เวลายังเดินไปข้างหน้าแบบนี้”

       

       

               “เด็กสองคนนั่น ตั้งแต่เมื่อไรครับ” นิชคุณเอ่ยถาม ทั้งที่สายตายังคงจับจ้องอยู่กับภาพตรงหน้า

       

       

               “คงจะตั้งแต่ก่อนเข้ามาทำงานที่นี่  พวกเขาเหมือนเรามาก จนผมยังตกใจ  ยูคยอมเคยเล่าเรื่องของเขากับคนรักให้ผมฟัง รู้ไหม ผมแทบจะมองเห็นตัวเองในตัวยูคยอม เช่นเดียวกับเห็นคุณในตัวกันต์พิมุกต์ วิทยาศาสตร์จะให้คำอธิบายสิ่งนี้ว่าไงครับ อาจารย์นิชคุณ”

       

       

               “โลกนี้ไม่มีความบังเอิญ แต่โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่าพรหมลิขิตนะครับอาจารย์ ผมเชื่อว่ามันมีอยู่จริง และไม่ต้องการการพิสูจน์ใดๆ”

       

       

               “ความรักก็คงจะเป็นอย่างนั้นล่ะมั้งครับ” อาจารย์หนุ่มหันไปมองลึกเข้าไปในดวงตาของคนข้างกาย

       

       

      ยูคยอม:


      “รอยยิ้มของเขา ...เป็นสิ่งที่ผมรักมากที่สุด  ไม่สำคัญว่าผมจะได้รับรู้ความรู้สึกของเขาตั้งแต่เมื่อไร ขอเพียงวันนี้ผมมีเขาอยู่เคียงข้างกัน เท่านั้นก็พอ”


        


      FIN.


       

       

                .oOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOOo.oOo.

       

      TALK : เรื่องที่ 2 สำหรับแฟนฟิคGOT7 เรื่องนี้เป็นฟิคแปลงมาจากต้นฉบับ TaecKhun ของ9Tails เองค่ะ จึงต้องอ้างอิงชื่อตัวละครเดิมเข้ามาในเรื่องนี้ ถ้าใครที่เคยอ่านเรื่องนี้มาก่อน(ซึ่งอาจจะไม่มี ฮา) อาจจะเห็นความแตกต่างที่เพิ่มเติมขึ้นมา และโครงเรื่องบางส่วนที่คงเดิม เข้ามาคุยกันได้ทาง Twitter @9tailsdafox นะคะ

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×